ดูคลิปนี้ให้จบ
วิธีจัดการ อาการเอดส์
อาการเอดส์ ทำไมจึงน่ากลัว
โรคเอดส์ (AIDS) เป็นโรคร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อาการเอดส์ ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โรคเอดส์เป็นโรคที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยาต้านไวรัส
อาการเอดส์ แบ่งออกเป็น 2 ระยะหลักๆ คือ
- ระยะติดเชื้อเอชไอวี ในระยะนี้ผู้ติดเชื้ออาจไม่มีอาการใดๆ เลย หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองโต ท้องเสีย น้ำหนักลด เป็นต้น ระยะนี้อาจยาวนานได้หลายปี
- ระยะเอดส์ ในระยะนี้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายจนไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีอาการต่างๆ ตามมา เช่น
- – ติดเชื้อโรคฉวยโอกาส เช่น วัณโรค ปอดบวม ฝีดาษลิง โรคคางทูม โรคเริม เป็นต้น
- – โรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
- – การติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น โรคติดเชื้อรา โรคติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
- – ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต เป็นต้น
– อาการโรคเอดส์ ที่กล่าวมาข้างต้นอาจทำให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตได้ในที่สุด ดังนั้น โรคเอดส์จึงเป็นโรคที่น่ากลัว เนื่องจากมีความรุนแรงและอาจนำไปสู่ความตายได้
นอกจากนี้ โรคเอดส์ยังเป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่เชื้อได้จากการสัมผัสเลือด น้ำอสุจิ น้ำนมแม่ หรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศของผู้ติดเชื้อ จึงทำให้ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีมีโอกาสแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้
ดังนั้น การป้องกันโรคเอดส์จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถป้องกันได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
- การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศของผู้ติดเชื้อ
- ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
หากสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อเอชไอวี ควรรีบไปตรวจหาเชื้อโดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
ปัจจุบันสามารถตรวจเอดส์ด้วยน้ำลายได้แล้ว และได้ผลการตรวจเทียบเท่าตรวจเลือด ข้อมูล ชุดตรวจ hiv ด้วยน้ำลาย
ภูมิคุ้มกันบำบัด APCO
มีผลต่อ อาการเอดส์ อย่างไร?
ทำให้เชื้อ หมดฤทธิ์ ในผู้ติดเชื้อใหม่
ในผู้ที่ใช้ยาต้านมานาน ช่วยให้ลด-หยุดยาต้าน และ เชื้อหมดฤทธิ์
ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่ไม่สามารถเพิ่มได้ด้วยผลิตภัณฑ์ต้านไวรัส
กระตุ้น Killer T cell ให้กำจัดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลดผลข้างเคียงจากผลิตภัณฑ์ต้านไวรัส
เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ติดเชื้อทุกระยะ
ด้วยผลงานของคณะนักวิจัย Operation BIM มากว่า 30 ปี
เชื้อ HIV ทำให้ อาการเอดส์ น่ากลัวเพียงใด ?
เชื้อ HIV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความน่ากลัวอย่างมาก เนื่องจากเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่มีทางรักษาหายในปัจจุบัน การติดเชื้อ HIV สามารถเกิดขึ้นผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน, การใช้สารเสพติดให้เลือด, การแลกเปลี่ยนน้ำลายหรือน้ำมูกที่มีเชื้อ, หรือการใช้เข็มฉีดสารเสพติด โรคเอดส์สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานไม่ได้เต็มที่ ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคอื่นๆ และสามารถเสียชีวิตได้ เนื่องจากยังไม่มีวิธีรักษาที่สามารถกำจัดเชื้อ HIV ออกจากร่างกายได้ ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อ HIV และการเผชิญหน้ากับโรคนี้โดยการรักษาโดยใช้ยาต้านไวรัส HIV เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในปัจจุบัน การระมัดระวังและการป้องกันการติดเชื้อจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องสุขภาพของตนเองและผู้อื่น
เมื่อภูมิคุ้มกันบำบัดสามารถทำให้เกิดภาวะสงบ และอาจกำจัดเชื้อ ได้ ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา นักวิจัยผู้ใฝ่ฝันจะพิชิตเชื้อ
นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามค้นหาวิธีการที่ทำให้เชื้ออยู่ในภาวะสงบ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ไทยได้ทำสำเร็จแล้วเป็นครั้งแรก โดยใช้นวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัด ด้วยสารสกัดจากพืชกินได้ (Plant- based Immunotherapy) ที่ทำให้เชื้อตรวจไม่พบแล้ว หรืออาจจะไม่มีเหลือเลย จนเกิดภาวะที่เรียกว่า ‘ภาวะสงบ’ หรือ ‘Functional Cure’ ที่ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตเหมือนคนปกติต่อเนื่อง
เซลล์ CD4 เป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันการติดเชื้อและโรคต่างๆ ดังนั้น CD4 ที่มีระดับสูงและสมดุลในร่างกายจะช่วยให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อต้านการติดเชื้อและโรคต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ CD4 ยังมีบทบาทในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคและสารพิษต่างๆ ด้วยภาวะ CD4 ที่สมดุลและมีระดับปกติ จึงสามารถช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงและป้องกันตัวจากการติดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด
กราฟข้อมูลสถิติค่า CD4 และ HIV Viral Load
โรคเอดส์ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) ที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์โดยตรง, การใช้สารเสพติดให้เลือด, หรือการแลกเปลี่ยนน้ำมูกหรือน้ำลายที่มีเชื้อไวรัส หลังจากติดเชื้อไวรัส HIV, ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะต่อสู้กับเชื้อไวรัสนี้ แต่ HIV มีความสามารถในการเข้าทำลายเซลล์ CD4 (T-lymphocytes CD4) ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายต่อต้านการติดเชื้อ ดังนั้น เมื่อเซลล์ CD4 ลดลงในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงลง ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคและอาจพบภาวะโรคแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น การลดลงของเซลล์ CD4 เป็นหนึ่งในเครื่องชี้ภาวะที่ร้ายแรงในผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการและภาวะที่ร้ายแรงขึ้น เช่น การติดเชื้อร้ายแรง (Opportunistic Infections) และมะเร็ง ดังนั้น การรักษาที่ดีและการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ในปัจจุบัน การใช้ยากันเชื้อไวรัส HIV (Antiretroviral Therapy) เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสและการลดลงของเซลล์ CD4 ในร่างกายของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV อย่างมีประสิทธิภาพ
ทำไมเราควรสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เพื่อจัดการเชื้อโรค และ อาการเอดส์
การสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันช่วยป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อโรคได้ดีขึ้น ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงช่วยให้ร่างกายมีความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคและการต่อต้านการระบาดของเชื้อโรคได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคและลดความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้น
การสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่สำคัญ เช่น ผลไม้ ผัก และโปรตีนที่มีคุณภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากมันช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การรักษาสุขภาพจิตก็มีความสำคัญ เนื่องจากสุขภาพจิตที่ดีสามารถช่วยลดความเครียดและเสริมสร้างร่างกายให้มีความแข็งแรงต่อต้านโรคได้ดีขึ้น
ดังนั้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันโรค แต่ยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
